ปัญหาอย่างหนึ่งที่ผู้คนบ่นกันในงาน BMMF 1 ก็คือพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของขอบเขตงาน การจะเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งดูเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจกันนานเพราะถ้าตัดสินใจผิดอาจจะทำให้เรี่ยวแรงในการที่จะไปสนุกกับกิจกรรมต่างๆในงานนันถูกเผาผลาญหมดไปก่อน เรานั่งคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งก่อนที่จะได้แนวทางแก้ปัญหาออกมาดังนี้
1.ย้ายจุดกางเต๊นท์ออกไปอยู่หน้างานใกล้กับที่จอดรถเพื่อผู้ชมไม่ต้องแบกของมากมายเข้ามาในงาน
2.เมื่อในงานไม่มีเต๊นท์สามพันกว่าเต๊นท์กางอยู่ เราก็จัดผังงานซะใหม่เพื่อให้จุดสนใจทุกจุดไม่อยู่ห่างกันเกินไป
3.จัดระบบขนส่งมวลชนใหม่ ทั้งนอกงานและในงาน เพื่อการเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น
4.เพิ่มจุดห้องน้ำให้มากขึ้น เพื่อให้ไม่ต้องเดินไกลเหมือนคราวที่แล้ว
เหล่านี้คือเรื่องหลักๆเรื่องแรกๆที่เราคุยกันก่อนที่จะเดินหน้ากันต่อในเรื่องดีไซน์หรือการจัดตารางโชว์ต่างๆ และเพื่อให้เข้าใจกันชัดเจนยิ่งขึ้น วันนี้เราจะว่ากันให้ละเอียดในเรื่องจุดกางเต๊นท์กันก่อน
ภาพผู้คนมากมายเดินหอบหิ้วกระเป๋าตัดสนามหญ้าขนาดใหญ่ในงานคราวที่แล้วทำให้ผมคิดอยู่ในใจว่าเราพลาดแล้ว งานนี้มีคนบ่นกันเพียบแน่ แล้วก็จริง จากเดิมที่เราตั้งใจว่าในงานไม่จำเป็นต้องมีรถรับส่งวิ่งไปมา เพราะในงานมิวสิคเฟสติวัลระดับโลกทั้งหลายที่ขนาดพื้นที่ใหญ่กว่างานเราหลายเท่าเขาก็ไม่มีรถรับส่งให้บริการ การเดินทางในงานวิธีเดียวคือการ เดิน เดิน แล้วก็เดิน แต่สำหรับคนไทย เราอาจจะต้องคิดอีกแบบนึง วันนั้นเราจึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการแบ่งรถที่จะวิ่งที่ลานจอดรถมาให้บริการด้านใน ทำให้ระบบขนส่งมวลชนวุ่นวายกันไปทั้งงาน เพราะรถไม่เพียงพอทั้งข้างในและข้างนอก ผมจดเอาไว้ในโทรศัพท์ก่อนเลยว่านี่คือสิ่งที่ต้องปรับปรุงในปีหน้า คุณกันหนึ่งในทีมงานดีไซน์เนอร์เดินมาบอกกับผมว่า หรือเราต้องย้ายจุดกางเต๊นท์ออกไปข้างนอกตรงข้างลานจอดรถเลย เมื่อผู้คนมาถึงขนของลงจากรถ เอาของไปเก็บในที่พัก แล้วก็เดินตัวเปล่า หรือติดของใช้จำเป็นบางอย่างเข้ามาในงานก็จะไม่ต้องหอบข้าวของพะรุงพะรังอย่างนี้ ผมจดเอาไว้อีกหัวข้อหนึ่ง และเมื่อเริ่มแระชุมกันครั้งแรกเราก็พูดกันเรื่องนี้ก่อนเลย เราจะย้ายจุดกางเต๊นท์ออกไปที่ลานจอดรถ รวมถึงเพิ่มพื้นที่ให้กางเต๊นท์ได้มากขึ้นจากคราวที่แล้วกางเต๊นท์ได้ 4500 เต๊นท์ เป็น 6000 เต๊นท์ในคราวนี้ และเพื่อจะให้กางเต๊นท์ได้มากขนาดนี้เราก็จะลดขนาดพื้นที่แต่ละพื้นที่จาก 4×4 เมตร ให้เหลือ 3×3 เมตร ซึ่งพิสูจน์แล้วว่พอเพียงสำหรับการอยู่อาศัย เพราะในคราวที่แล้วพื้นที่กางเต๊นท์ด้านนอก(โซนลาดกระบัง)ก็ใช้ขนาดเท่านี้และพบว่าไม่ได้มีปัญหาอย่างไร แผนผังบริเวณที่จอดรถและจุดกางเต๊นท์จึงออกมาอย่างนี้
ทางเข้าออกหลักของงานยังอยู่ที่เดิม จุดลงทะเบียนเพื่อเข้าเต๊นท์ก็ย้ายมาอยู่ที่ด้านหน้านี้ทั้งหมด ใครที่ต้องการนอนเต๊นท์เมื่อมาถึงงานก็จัดการเรื่องที่พักให้เรียบร้อย แล้วจึงเดินผ่านประตูหลัก ตรวจอาวุธ(ซึ่งจะสะดวกขึ้นเพราะไม่ต้องตรวจกระเป๋าเดินทางด้วย) จึงเดินต่อเข้าไปในงาน ระบขนส่งมวลชนก็จะแบ่งเป็นสองสายชัดเจน ด้านนอกหนึ่งสาย และในงานอีกหนึ่งสาย ซึ่งเราจะพูดเรื่องนี้ในรายละเอียดกันในคราวต่อๆไป
เมื่อย้ายชุมชนขนาด 6000 หลังคาเรือนมาอยู่ด้านนอก เราก็ต้องมีระบบสาธารณูปโภคสำหรับชุมชนแห่งนี้ด้วย จึงเป็นที่มาของ Toilet City หรือ “ดินแดนสุขาวดี” สำหรับทุกคน ที่นี่จะมีทั้งห้องส้วมและห้องอาบน้ำ แบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับชายและหญิงชัดเจน หน้าตาก็จะเป็นอย่างนี้
เราจะเช่าห้องน้ำมาวางเรียงกันไว้เฉยๆก็ได้ แต่คุณแจ๊ค จิโร่ และทีมงานดูจะไม่ได้คิดแบบนั้น คิดแบบบิ๊กเมาเท่นต้องเว่อร์เข้าไว้ Toilet City ถูกแบ่งเป็นสองโซน ด้านซ้ายเป็นของผู้ชาย ด้านขวาเป็นของผู้หญิง โดนเรากั้นให้ฝั่งผู้หญิงมีห้องน้ำมากกว่าผู้ชาย ด้านริมสุดทั้งสองด้านที่เห็นเป็นรูปหกเหลี่ยมนั่นคือห้องอาบน้ำรวม ใช่แล้วครับห้องอาบน้ำรวม สำหรับผู้ชายก็ยืนอาบร่วมกันแบบตอนเรียนร.ด. แต่สำหรับผู้หญิงเราได้จัดเตรียมม่านพลาสติกกั้นเป็นวงกลมสำหรับทุกคน เพื่อให้คงความเป็นส่วนตัวไว้บ้าง ที่เราเลือกระบบอาบน้ำรวมก็เพื่อให้ใช้บริการได้พร้อมกันหลายๆคน ไม่ต้องรอคิวกันนาน แต่ถ้าใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวกว่านั้นก็สามารถเข้ามาใช้ห้องอาบน้ำแบบถาวรที่มีอยู่เกือบร้อยห้องทั่วบริเวณงาน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราถกเถียงกันอยู่นานว่า เราพร้อมสำหรับการอาบน้ำร่วมกันในมิวสิคเฟสติวัลหรือยัง คำตอบที่เราได้จากการสอบถามหลายๆคนก็คือ ถ้ายังมีทางเลือกสำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่ ก็เชื่อว่ามีคนมากมายที่พร้อมจะอาบน้ำร่วมกันโดยไม่ขัดเขิน อย่างไรก็ตามเรายังอยากฟังความเห็นของทุกท่านอยู่ดี ลองแนะนำกันเข้ามานะครับ
ถึงจะเป็นแค่ห้องน้ำ แต่ทีมดีไซน์เนอร์ของเราก็สนุกสนานกับการปล่อยของกันอย่างไม่ยั้ง ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นเวทีเล็กๆที่หน้าห้องน้ำด้วย นั่นเป็นเวทีจริงๆ ไม่ได้สร้างไว้เฉยๆ แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะเอาใครไปเล่นดี หรือจะวางชุดคาราโอเกะไว้ให้ผลัดกันขึ้นไปร้องดีนะ ตอนรอคิวเข้าห้องน้ำจะได้ไม่เบื่อ หรือพวกเราว่าไง
หรือจะมีสวนอยู๋ในห้องน้ำ บรรยากาศจะได้สดชื่น
เราใช้ไม้ไผ่สานเป็นหลังคา ส่วนผนังบุด้วยจาก เพื่อลดความผิดที่ผิดทางของห้องน้ำพลาสติก และอุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำ
แค่เรื่องห้องน้ำอย่างเดียวเราก็นั่งคุยกันได้เป็นวัน ยังเหลืออีกหลายเรื่องที่เก็บไว้เล่าให้ฟังในวันต่อๆไป แวะเข้ามาเยี่ยมกันได้บ่อยๆนะครับ
Big Mountain Music Festival 2
10 -11 December 2010
at Bonunza Khoayai
เพิ่งเม้นท์หยกหยก